ลดน้ำหนักดีกว่า เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงเคยคิดหรือเคยตั้งใจกับประโยคสั้นๆ คำนี้ แต่ก่อนที่เพื่อนๆจะเข้าสู่กระบวนการของการลดน้ำหนัก เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าคำว่าลดน้ำหนัก คืออะไร
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักการลดน้ำหนัก (Weight loss) กันก่อน
การลดน้ำหนัก (Weight loss) หมายถึง การลดน้ำหนัก/มวลกายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเพราะเสียน้ำ ลดไขมัน หรือมวลกายอื่น ๆ เช่น แร่ธาตุในกระดูก กล้ามเนื้อ เอ็น และเนื้อเยื่ออื่น ๆ จนทำให้น้ำหนักโดยรวมในร่างกายลดลง อาจเกิดโดยไม่ได้ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ได้ น้ำหนักลดลงโดยไม่ตั้งใจ เช่น เพราะป่วย น้ำหนักที่ลดอย่าง “อธิบายไม่ได้” และไม่ได้เกิดจากการลดอาหารหรือเพิ่มออกกำลังกาย ซึ่งหากน้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจแนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์ครับ ส่วนน้ำหนักลดอีกอย่างคือการทำให้น้ำหนักลดโดยตั้งใจซึ่งเป็นหัวข้อที่เรากำลังจะคุยกัน
จากคำนิยามของการ การลดน้ำหนัก (Weight loss) ที่กล่าวมาข้างต้น คือ การที่ร่างกายเสียน้ำ ลดไขมัน มวลร่างกายในส่วนอื่นๆ แร่ธาติในกระดูก กล้ามเนื้อ เอ็น หรือเนื้อเยื่อจนทำให้น้ำหนักลดลง จะเห็นว่าเมื่อเราคิดจะลดน้ำหนักของร่างกาย สิ่งที่อยากจะบอกอันดับแรกเลยเราต้องรู้ก่อนว่าที่กำลังทำให้น้ำหนักตัวของเราลดลงนั้นเกิดจากการลดอะไรกันแน่ ลองคิดดูครับหากเรากำลังอยู่ในกระบวนการลดน้ำหนักแล้วสิ่งที่กำลังถูกลด คือ มวลกระดูก หรือมวลกล้ามเนื้อ ทั้งๆ ที่ สิ่งที่เราอยากจะลดจริงๆ คือไขมันต่างหาก แล้วต้องทำยังไง หรือต้องลดยังไงถึงจะลดไขมันโดยไม่ไปลดอย่างอื่นที่ว่ามา
สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะทำเมื่อคิดจะลดน้ำหนัก
1. งดอาหารบางมื้อหรืออดอาหาร
สิ่งนี้มักจะได้ยินเป็นอันดับแรกๆ เมื่อจะมีการลดน้ำหนัก เช่น ช่วงนี้งดข้าวเย็นจ้า ช่วงนี้มื้อเที่ยงขอทานโยเกิร์ตอย่างเดียวน๊า ช่วงนี้ทานแค่ผลไม้จ้า สำหรับใครที่กำลังใช้วิธี งดอาหาร หรือ อดอาหารเพื่อการลดน้ำหนักมีข้อควรระวังหลายอย่างแม้ช่วงแรกๆ ของการอดอาหารจะทำให้น้ำหนักลดลงได้ แต่นั่นอาจเป็นแค่การสูญเสียน้ำ หรือโปรตีนจากร่างกายทำให้ร่างกายผอม
2.กินยาลดน้ำหนัก
หากคุณจะใช้วิธีการนี้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น หากทำเองคิดว่าจะมีผลเสียมากกว่าผลดี ซึ่งมักจะมีข่าวข้อเสียของการทานยาลดน้ำหนักออกมาให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ
3.เพิ่มการออกกำลังกาย
จริงวิธีนี้ฟังดูเข้าท่าดีครับ หากเพื่อนๆ เข้าใจเรื่องของ กระบวนการเผาพลาญพลังงานมาแล้ว ซึ่งการออกกำลังกายสามารถเพิ่มการเผาพลาญพลังงานได้เป็นอย่างดีครับ ซึ่งเราต้องทำความเข้าใจอีกว่าการออกกำลังกายประเภทไหนมีการเผาพลาญพลังงานเท่าไรด้วย โดยการออกกำลังกายแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ Aerobic เป็นการออกกำลังกายแบบใช้ออกซิเจน เช่น การวิ่ง มักเผาพลาญพลังงานในตอนที่ออกกำลังกาย กับ Anaerobic เป็นการออกกำลังกายประเภทแรงต้าน เช่น การฟิตเนส สร้างกล้ามเนื้อ อันนี้จะเผาพลาญพลังงานทั้งในตอนที่ออกกำลังกายและเผาผลาญพลังงานจากมวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นด้วย
4.ควบคุมอาหาร
วิธีนี้จัดว่าเป็นวิธีที่ดีมากๆ เลยล่ะครับเพราะหากจะมองกันตามตรงสำหรับคนที้อ้วน (ที่ไม่ได้เกิดจากการมีโรคหรือเพราะความป่วย) การที่เราอ้วนมันเกิดจากการที่เรากิน กิน แล้วก็กิน ซึ่งอาหารที่เรากินมักจะเป็นอาหารประเภท Kcal สูง ไขมันสูง ปาร์ตี้บ่อยหรือเรียกง่ายๆ ว่าอ้วนเพราะตามใจปากครับ เพราะฉนั้นหากเราเริ่มตระหนักเกี่ยวกับการกิน หันมากินของที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย Kcal ต่ำ กินให้ Kcal น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการเผาพลาญพลังงานไม่นานเราก็จะผอมลงครับ ซึ่งด้วยวิธีนี้เองผู้เขียนก็เคยเห็นด้วยตัวเองมามากมายที่สามารถลดความอ้วนได้สุดท้ายก็มีวินัยในการกิน แถมไม่กลับมาโยโย่อีกด้วย
5.ควบคุมอาหารควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย
หากถามว่าวิธีไหนดีที่สุดคงต้องบอกว่าแล้วแต่วิธีไหนเข้ากับวิถีชีวิตของใครครับ แต่โดยส่วนตัวผู้เขียนเองใช้วิธีการนี้ในการลดน้ำหนักครับ ซึ่งมีวิธีคิดแบบนี้
- ควบคุมอาหาร เพื่อที่จะได้รับอาหารที่มีประโยชน์ และมี Kcal น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการใช้พลังงาน
- เร่งการเผาพลาญพลังงานด้วยการออกกำลังกาย
- ใช้การออกกำลังกายด้วยวิธี Anaerobic เพื่อสร้างกล้ามเนื้อเพื่อให้มีการเผาพลาญพลังงานแม้ตอนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย
ผลลัพธ์ที่ได้คือลดน้ำหนักได้ 5 กิโลกรัมภายในเวลา 20 วัน โดยน้ำหนักตัววันแรกที่ลดน้ำหนัก 70 kg ผ่านไป 20 วันเหลือ 65 kg ที่ทำก็คือ ควบคุมอาหารให้มี Kcal ต่ำ กินอาหารให้ครบ 3 มื้อเพื่อป้องกันไม่ให้กระบวนการเผาพลาญพลังงานเสียหายซึ่งจะส่งผลให้เกิดการโยโย่ ออกกำลังกายด้วยวิธี Anaerobic เบาๆ คู่ไปกับการเพิ่มอาหารประเภทโปรตีน เพื่อสร้างกล้ามเนื้อและเร่งการเผาผลาญพลังงาน แต่มีข้อควรระวังว่าอย่าเพิ่งออกกำลังกายหนักเกินไป เพราะหากเราออกกำลังกายหนักแล้วในวันที่เราได้น้ำหนักตัวที่ต้องการแล้ว และเราลดการออกกำลังกาย จะทำให้การเผาผลาญ ที่เกิดจากการออกกำลังกายลดลงไปด้วยอาจทำให้โยโย่ได้ครับ