สงครามราคา รถไฟฟ้า EV
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านต้องยอมรับว่าข่าวที่มาแรงมากๆ ข่าวหนึ่งที่เกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ก็คือเรื่อง สงครามราคา รถไฟฟ้า EV ที่ผู้ผลิตหลายๆ ค่ายต่างต่อสู้กันในหลายๆ ด้านซึ่งกลยุทธ์ที่ถูกนำมาต่อสู้หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของการปรับลดราคา บางค่ายปีนี้ปีเดียวปรับลดไปแล้วถึง 3 รอบและราคาที่ลดลงสูงสุดสูงถึง 340,000 บาท หากมองในแง่ของผู้บริโภค หรือผู้ซื้อแน่นอนต้องได้ประโยชน์แน่เพราะได้ของที่ราคาถูกลง สบายกระเป๋ามากขึ้น
จากสถิตยอดขาย รถไฟฟ้า EV ทั่วโลก 3 ปีย้อนหลัง
ปี 2022 ยอดขาย 10 ล้านคัน
ปี 2023 ยอดขาย 14 ล้านคัน
ปี 2024 ยอดขาย 17 ล้านคัน (เป็นการคาดการจากยอดขาย รถไฟฟ้า EV ในไตรมาสแรกของปี 2024)
ในปี 2023 ที่ผ่านมาบริษัทผู้ผลิต รถไฟฟ้า EV แบรนด์ดังหลายแบรนด์ต่างก็มียอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งในปีเดียวกันนี้แบรนด์จากทางฝั่งจีนกลับเป็นผู้ชนะในการทำยอดขายทั่วโลกสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งเหนือกว่าเจ้าตลาดจากทางฝั่งอเมริกา จากสภาวะความต้องการของตลาดรวมไปจนถึงเรื่องของ Trand ในแง่การสร้างมลภาวะทางอากาศจากการใช้ รถยนต์ไฟฟ้า มีการคาดการกันว่าในปี 2024 นี้ยอดขายรวม น่าจะอยู่ที่ประมาณ 17 ล้านคัน ซึ่งจากตัวเลขการคาดการถือว่ามีความต้องการมากกว่าเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับยอดขายในปี 2022 ดังนั้น ในมุมของผู้ผลิต ไม่มีใครอยากที่จะพลาดในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่การตลาดนี้ จนทำเกิด สงครามราคา รถไฟฟ้า EV เกิดขึ้น
จุดเริ่มต้นของสงคราม
โดยทางฝั่ง ตัว T เริ่มลดราคา รถไฟฟ้า EV ในค่ายช่วงปลาย ปี 2022 เพื่อแข่งกับค่ายรถไฟฟ้า EV จีน
ค่ายอื่นๆ จากฝั่งจีน เริ่มลดราคา เพื่อต่อสู้ในช่วงปี 2023 และลดลงอย่างต่อเนื่อง
[the_ad id=”854″]
ข่าวสะเทือนวงการ รถไฟฟ้า EV ลดราคา ลดแล้วลดอีก
ค่ายตัว B ลดราคาในปี 2024 นี้ไปแล้ว 3 รอบ
รอบที่ 1 ช่วงงานมอเตอร์โชว์ ลดไป 50,000 – 250,000 บาท
รอบที่ 2 โปรเดือนมิถุนายน ลดอีก 140,000 – 160,000 บาท
รอบที่ 3 โปรฉลองเปิดโรงงานผลิตที่จังหวัดระยอง ลดสูงสุด 340,000 บาท
สำหรับผู้บริโภคทั้งหลายอย่างเราๆ การลดราคาย่อมเป็นผลดีเพราะผู้ซื้อจะได้ของที่ราคาถูกลง แต่กลับกันตามที่เป็นข่าวคือผู้ที่ซื้อไปก่อนที่ราคาจะลดแต่เพียงข้ามสัปดาห์ราคาลดลงเป็นแสนอันนี้ก็น่าเห็นใจครับ
สำหรับในเมืองไทย ในมุมของผู้บริโภคตัวน้อยๆ อย่างเราอาจจะมีเรื่องที่น่าคิดอีก เช่น
1 สงครามราคาที่กำลังแข่งกันลดอยู่นี้ ลดลงถึงที่สุดหรือยัง หากซื้อตอนี้ที่ว่าถูกแล้ว หากลดอีกจะเสียใจมั้ย
2 แหล่งชาร์ตไฟ เพียงพอแล้วหรือยังหากแบตหมดแล้วต้องชาร์ตฉุกเฉินจะทำยังไง
3 จุดซ่อมรถไฟฟ้า มีเพียงพอหรือยัง แล้วราคาค่าซ่อมจะมหาโหดตามที่ข่าวเสนอหรือไม่
4 แล้วประกันรถยนต์ล่ะ ครอบคลุมแล้วหรือยัง
ฝากไว้ให้คิดครับ
[the_ad id=”876″]