ทำไมต้องคำนวณภาระหนี้?
ถ้าคุณเคยรู้สึกว่ามีหนี้สินมากเกินไป หรืออยากรู้ว่าการเงินของคุณอยู่ในจุดที่ปลอดภัยหรือไม่ การคำนวณ “ภาระหนี้” หรือ Debt-to-Income Ratio (DTI) เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของสถานการณ์ทางการเงินได้อย่างชัดเจน โดยตัวเลขนี้จะช่วยให้คุณประเมินว่า คุณมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ดีแค่ไหน และยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินใช้พิจารณาก่อนอนุมัติสินเชื่ออีกด้วย
ภาระหนี้ (Debt-to-Income Ratio) คืออะไร?
ภาระหนี้ (DTI) คืออัตราส่วนระหว่าง “หนี้สินต่อเดือน” กับ “รายได้ต่อเดือน” คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ยิ่งค่าภาระหนี้สูง หมายความว่าคุณใช้รายได้ไปกับการชำระหนี้มาก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังมีภาระทางการเงินที่หนักเกินไป
สูตรคำนวณภาระหนี้ (DTI)
DTI=(หนี้สินที่ต้องจ่ายต่อเดือนรายได้ต่อเดือน)×100\text{DTI} = \left(\frac{\text{หนี้สินที่ต้องจ่ายต่อเดือน}}{\text{รายได้ต่อเดือน}}\right) \times 100
ตัวอย่างเช่น:
- คุณมีรายได้ต่อเดือน 30,000 บาท
- คุณต้องจ่ายค่าผ่อนบ้าน 7,000 บาท และค่าผ่อนรถ 5,000 บาท
- ภาระหนี้รวมต่อเดือน = 7,000 + 5,000 = 12,000 บาท
คำนวณ DTI: (12,00030,000)×100=40%\left(\frac{12,000}{30,000}\right) \times 100 = 40\%
ดังนั้น ภาระหนี้ของคุณคือ 40%
เกณฑ์ภาระหนี้ที่เหมาะสม
โดยทั่วไป อัตราภาระหนี้ที่เหมาะสมควรอยู่ที่ ไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน หากสูงกว่านี้อาจเป็นภาระที่หนัก และอาจส่งผลกระทบต่อการขอสินเชื่อในอนาคต
ระดับภาระหนี้ที่ควรรู้
อัตราส่วนภาระหนี้ | ความหมาย |
---|---|
ต่ำกว่า 20% | การเงินแข็งแกร่ง มีความสามารถใช้จ่ายได้สบาย |
20-35% | อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีหนี้แต่ยังสามารถบริหารได้ |
35-40% | เริ่มมีความเสี่ยง อาจต้องบริหารหนี้ให้ดีขึ้น |
มากกว่า 40% | ภาระหนี้สูง ควรระมัดระวัง อาจส่งผลต่อสภาพคล่อง |
วิธีลดภาระหนี้ให้ดีขึ้น
หากคุณคำนวณแล้วพบว่าภาระหนี้สูงเกินไป อย่าเพิ่งตกใจ! นี่คือวิธีที่จะช่วยให้คุณปรับสมดุลทางการเงินได้
1. เพิ่มรายได้
- หารายได้เสริม เช่น ขายของออนไลน์ หรือทำงานฟรีแลนซ์
- ลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงย เช่น กองทุนรวม หุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์
2. ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
- จัดทำงบประมาณรายรับ-รายจ่าย เพื่อลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
- หลีกเลี่ยงการใช้บัตรเครดิตเกินตัว
3. รีไฟแนนซ์หนี้
- พิจารณา รีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านหรือรถยนต์ เพื่อลดดอกเบี้ยและผ่อนชำระให้น้อยลง
- รวมสินเชื่อหลายก้อนให้เป็นก้อนเดียว อาจช่วยลดอัตราดอกเบี้ย
4. ใช้วิธี Snowball หรือ Avalanche
- วิธี Snowball: จ่ายหนี้ก้อนเล็กก่อนเพื่อสร้างกำลังใจ
- วิธี Avalanche: จ่ายหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงก่อน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาว
5. หยุดก่อหนี้ใหม่ชั่วคราว
- ถ้ายังมีภาระหนี้มาก ควรหยุดกู้เพิ่มจนกว่าจะสามารถบริหารหนี้ที่มีอยู่ได้ดีขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาระหนี้
1. ภาระหนี้สูงขอสินเชื่อได้ไหม?
ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงิน แต่หากภาระหนี้เกิน 40% โอกาสได้รับอนุมัติจะลดลง ธนาคารอาจพิจารณารายได้เสริม หรือให้กู้ในวงเงินที่ต่ำลง
2. คำนวณภาระหนี้ควรรวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างไหม?
ควรรวมเฉพาะ “หนี้สินที่ต้องจ่ายเป็นประจำ” เช่น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หนี้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ไม่ต้องรวม ค่าใช้จ่ายรายเดือนทั่วไป เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร
3. ควรคำนวณภาระหนี้บ่อยแค่ไหน?
แนะนำให้คำนวณ ทุก 3-6 เดือน หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรายได้หรือหนี้สิน เพื่อให้สามารถบริหารการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
การคำนวณ ภาระหนี้ (Debt-to-Income Ratio – DTI) เป็นวิธีที่ช่วยให้คุณประเมินสถานการณ์ทางการเงินของตัวเองได้ง่ายๆ ถ้าภาระหนี้สูงเกินไป ควรหาแนวทางลดหนี้ เพิ่มรายได้ และปรับแผนการใช้จ่ายเพื่อให้การเงินมั่นคงขึ้น
ลองคำนวณภาระหนี้ของคุณตอนนี้ และเริ่มวางแผนการเงินให้ดีขึ้นตั้งแต่วันนี้เลย! 💰📊