Workplace Well-being: คู่มือสร้าง ‘เกราะคุ้มกันใจ’ สำหรับคนทำงานยุคใหม่ (ฉบับจิตวิทยาประยุกต์)

You are currently viewing Workplace Well-being: คู่มือสร้าง ‘เกราะคุ้มกันใจ’ สำหรับคนทำงานยุคใหม่ (ฉบับจิตวิทยาประยุกต์)

ทำไมคนทำงานยุคนี้ถึง “แบก” และ “หมดไฟ”

คุณเคยรู้สึกเหมือนกำลัง “แบกทุกอย่างไว้” หรือไม่?

ความรู้สึกที่ต้องรับแรงกดดันจากทุกทิศทาง ทั้งความคาดหวังจากหัวหน้า งานที่เร่งรัด หรือแม้แต่ความรู้สึกผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ในการทำงาน สะสมจนกลายเป็นความเครียดเรื้อรัง หลายคนตกอยู่ในสภาวะ “มีฝันแต่หมดแรง” หรือที่เรียกว่า ภาวะหมดไฟ (Burnout)

ในโลกการทำงานยุคใหม่ ปัญหาสุขภาพจิต (Mental Health) ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป แต่มันคือ “รากฐาน” ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการทำงาน (Productivity) ความคิดสร้างสรรค์ และความยั่งยืนขององค์กร

ข่าวดีคือ สภาวะเหล่านี้จัดการได้ บทความนี้คือ “คู่มือ” ที่จะมอบ “เครื่องมือฝึกใจ” (Psychological Tools) ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้จริงในที่ทำงาน โดยอิงจากหลักจิตวิทยาประยุกต์ และแก่นความรู้จากหนังสือ วิชา…ช่างมัน โดย วารีภูย์ ผู้ซึ่งที่เข้าใจทั้งด้าน “ระบบงาน” (HR, ESG) และ “ภายในจิตใจคน”

ภาระที่มองไม่เห็น (The Burdens) – สัญญาณเตือนว่าคุณกำลัง “แบก” เกินไป

ก่อนที่เราจะสร้างเกราะคุ้มกันใจ เราต้องรู้ก่อนว่าอะไรคือสิ่งที่กำลังทิ่มแทงเรา ภาระเหล่านี้มักมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่หนักอึ้งอยู่ในใจของคนทำงานแทบทุกคน

กับดักความคิด (Cognitive Distortions) ที่คนทำงานมักตกหลุมพราง

จิตใจของเรามักสร้าง “กับดัก” ขึ้นมาบิดเบือนความจริง ทำให้เราเครียดเกินเหตุ ตัวอย่างคลาสสิกในออฟฟิศ เช่น:

  • การคิดแบบสมบูรณ์แบบ (Perfectionism): รู้สึกผิดมหันต์กับความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ กลัวการประเมินผลงาน
  • การสรุปเหมาเข่ง (Overgeneralization): เมื่อพรีเซนต์งานพลาดครั้งเดียว ก็สรุปว่า “ฉันมันห่วยแตกเรื่องการพรีเซนต์” ไปตลอด
  • การอ่านใจ (Mind Reading): ทึกทักไปเองว่าหัวหน้ากำลังไม่พอใจ หรือเพื่อนร่วมงานกำลังนินทาเรา

เมื่อ “เสียงรอบข้าง” ดังกว่าเสียงตัวเอง

เรากำลังทำงานภายใต้ “ความคาดหวัง” ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นจากหัวหน้า (ที่คาดหวังผลงาน) ลูกค้า (ที่คาดหวังการบริการ) หรือแม้แต่ครอบครัว (ที่คาดหวังความสำเร็จ) เมื่อเราพยายามตอบสนองทุกเสียง เราอาจหลงลืมเสียงที่สำคัญที่สุดคือ “เสียงของตัวเอง”

ความกลัวที่ซ่อนอยู่ (Fear of Failure & Change)

ความกลัวเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นความกลัวการประเมินผลงานประจำปี ความกลัวการเปลี่ยนแปลงในองค์กร (Organization Restructure) หรือความกลัวว่าจะทำงานได้ไม่ดีพอ (Imposter Syndrome) ความกลัวเหล่านี้กัดกินพลังใจของเราโดยไม่รู้ตัว

“ช่างมัน” อย่างเข้าใจ – นี่ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่คือการ “เลือก”

เมื่อพูดถึงคำว่า “ช่างมัน” หลายคนนึกถึงการยอมแพ้ หรือการปล่อยปละละเลย แต่ในทางจิตวิทยาประยุกต์ นี่คือทักษะที่สำคัญที่สุดในการบริหารพลังใจ

Unique Angle ของเรา: เราไม่ได้สอนให้คุณ ‘ช่างมัน’ เพื่องาน หรือ ‘ช่างมัน’ เพื่อองค์กร แต่เราสอนให้คุณ “‘ช่างมัน’ เป็น” เพื่อให้คุณกลับมามีพลังในการออกแบบชีวิตและการทำงานที่ “ใช่” สำหรับคุณ

“ช่างมัน” แบบมีกลยุทธ์ vs. “ช่างมัน” แบบหมดไฟ (ต่างกันอย่างไร?)

  • “ช่างมัน” แบบหมดไฟ (Passive): คือการปล่อยปละละเลย ไม่สนใจอะไรอีกต่อไป หมดแรงจูงใจ (Apathy)
  • “ช่างมัน” แบบมีกลยุทธ์ (Active & Strategic): คือการ “เลือก” ที่จะปล่อยวางในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ (เช่น คำวิจารณ์, อดีตที่ผิดพลาด) เพื่อเก็บพลังงานและสติ (Focus) ไว้กับสิ่งที่สำคัญและควบคุมได้ (เช่น การกระทำในปัจจุบัน, การวางแผนงานชิ้นต่อไป)

หลักการปลดล็อกความคาดหวัง

แก่นแท้ของ “วิชา…ช่างมัน” คือการตระหนักว่า เราไม่สามารถควบคุมความคิดหรือความคาดหวังของคนอื่นได้ สิ่งที่เราควบคุมได้คือ “การตอบสนอง” ของเราต่อสิ่งเหล่านั้น การฝึก “ช่างมัน” คือการสร้างพื้นที่ว่างในใจ เพื่อ “หยุด” และ “เลือก” ที่จะตอบสนอง แทนที่จะ “โต้ตอบ” (React) ไปตามอารมณ์

5 เครื่องมือฝึกใจฉบับคนทำงาน (The Tools) – สร้างเกราะคุ้มกันใจให้แข็งแกร่ง

นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุด คือเครื่องมือที่นำไปใช้ได้จริง (Actionable) ซึ่งสกัดมาจากหลักการในหนังสือ “วิชา…ช่างมัน” เพื่อคนทำงานโดยเฉพาะ

เครื่องมือที่ 1: การฝึกสติ (Mindfulness) 5 นาทีก่อนประชุมใหญ่

แทนที่จะนั่งกังวลว่าจะพรีเซนต์พลาด ให้ใช้เวลา 5 นาทีก่อนประชุม ฝึก “Anchor Breathing” (การจดจ่อที่ลมหายใจเข้า-ออก) เพื่อดึงสติกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ลดอาการตื่นเต้น และทำให้สมองปลอดโปร่งพร้อมรับมือสถานการณ์ตรงหน้า

เครื่องมือที่ 2: การ “หยุดเพื่อเลือก” (The Pause) ก่อนตอบอีเมลที่น่าหงุดหงิด

เมื่อได้รับอีเมลที่เต็มไปด้วยอารมณ์หรือคำตำหนิ อย่าเพิ่งรีบพิมพ์ตอบ ให้ใช้เทคนิค “The Pause” คือ หยุด, หายใจลึกๆ 3 ครั้ง, แล้วถามตัวเองว่า “เป้าหมายในการตอบครั้งนี้คืออะไร?” (เพื่อแก้ปัญหา หรือเพื่อเอาชนะ?) การหยุดเล็กน้อยนี้จะช่วยให้คุณตอบกลับด้วยเหตุผล ไม่ใช่อารมณ์

เครื่องมือที่ 3: การ “เมตตาตัวเอง” (Self-Compassion) ในวันที่ประเมินผลงานแย่

ในวันที่งานผิดพลาด หรือผลประเมินไม่เป็นไปตามคาด แทนที่จะซ้ำเติมตัวเอง (“ทำไมฉันมันแย่อย่างนี้”) ให้ลองพูดกับตัวเองเหมือนที่พูดกับเพื่อนสนิท (“ไม่เป็นไรนะ วันนี้มันยากจริงๆ เราเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้ได้บ้าง?”) นี่คือการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน (Resilience) ที่แท้จริง

เครื่องมือที่ 4: “เขียน…เพื่อปล่อย” (Journaling) จัดการอารมณ์จุกจิกในออฟฟิศ

หลายครั้งความเครียดเกิดจากเรื่องจุกจิกที่สะสม ให้ใช้เวลา 10 นาทีก่อนเลิกงาน “เขียนระบาย” (Brain Dump) ทุกอย่างที่อัดอั้นในใจลงในสมุด โดยไม่ต้องสนใจความสวยงามหรือไวยากรณ์ การเขียนคือการ “ถ่าย” ขยะอารมณ์ออกจากหัว ช่วยให้คุณกลับบ้านไปพักผ่อนได้อย่างแท้จริง

เครื่องมือที่ 5: วิธีปลุกไฟในใจ (สำหรับคนที่มีเป้าหมายแต่หมดแรง)

หากคุณ “มีฝันแต่หมดแรง” ลองกลับมาเชื่อมต่อกับ “คุณค่า” (Values) ของคุณอีกครั้ง ถามตัวเองว่า “งานที่เราทำอยู่มันตอบโจทย์คุณค่าอะไรในชีวิตเรา?” (เช่น ความมั่นคง, การช่วยเหลือผู้อื่น, การเติบโต) การเห็นความหมาย (Purpose) แม้เพียงเล็กน้อยในงาน จะช่วยปลุกไฟที่กำลังมอดให้กลับมาได้

ออกแบบชีวิตการทำงานที่ “พอดี” (The Outcome)

เป้าหมายสูงสุดของ Workplace Well-being ไม่ใช่การทำงานหนักขึ้น แต่คือการกลับมามีพลังในการออกแบบชีวิตและการทำงานที่ “ใช่” และ “พอดี” สำหรับเรา

ชีวิตที่ไม่ต้องเพอร์เฟกต์ก็มีความสุขได้ (Good Enough is the new Perfect)

เกราะคุ้มกันใจที่แข็งแรงจะสอนให้เราเข้าใจว่า “ดีพอ” (Good Enough) ไม่ใช่ “ไม่ดีพอ” (Not Good Enough) เราเรียนรู้ที่จะทำงานให้ดีที่สุดในทรัพยากรที่มี และ “ช่างมัน” กับส่วนที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ซึ่งจะช่วยลดความเครียดจากการเป็น Perfectionist ได้มหาศาล

การนิยามความสำเร็จในแบบของเรา

ความสำเร็จในที่ทำงาน ไม่ได้มีแค่ตำแหน่งหรือเงินเดือน แต่อาจหมายถึงการได้ทำงานที่มีความหมาย, การมีเวลาให้ครอบครัว, หรือการมีสุขภาพจิตที่ดี การสร้าง “วิชา…ช่างมัน” ให้ตัวเอง คือการอนุญาตให้ตัวเองนิยามความสำเร็จในแบบของเราเอง

จาก “คนแบกโลก” สู่ “คนทำงาน” ที่ยั่งยืน

สุขภาพจิตที่ดี (Well-being) ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือรากฐานที่ขาดไม่ได้ของประสิทธิภาพในการทำงาน (Performance) และความยั่งยืนของบุคลากรในยุคนี้ การสร้าง “เกราะคุ้มกันใจ” ไม่ใช่การหนีปัญหา แต่คือการฝึกฝนเครื่องมือทางจิตวิทยาเพื่ออยู่กับปัญหาอย่างเข้าใจ

ที่ itemcentre.com เราเชื่อมั่นในการสร้างความยั่งยืนทั้งในระดับ “องค์กร” (ผ่านความเชี่ยวชาญด้าน ESG, HR, Law) และในระดับ “บุคลากร” (ผ่านองค์ความรู้ด้าน Well-being และจิตวิทยาประยุกต์)

เริ่มต้นสร้างเกราะคุ้มกันใจของคุณตั้งแต่วันนี้


เรียนรู้เครื่องมือทั้งหมดนี้อย่างลึกซึ้ง พร้อมแบบฝึกหัดจริงจากผู้เชี่ยวชาญ สั่งซื้อหนังสือ “วิชา…ช่างมัน” โดย วารีภูย์ ได้เลยที่ itemcentre.com

แนะนำสินค้า: วิชา…ช่างมัน

วิชา…ช่างมัน

โดย: วารีภูย์

พลังแห่งการก้าวข้ามทุกความกังวล… ถ้าชีวิตคือการเดินทาง อะไรที่ไม่จำเป็นต้องแบกไว้ หนังสือเล่มนี้คือคู่มือที่จะช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญ สร้างสมดุล และนำพาชีวิตไปข้างหน้าอย่างมีความสุขและยั่งยืน

ดูรายละเอียดและสั่งซื้อ

Leave a Reply