อุปสรรคของการลดน้ำหนัก ที่ทำให้ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ (ซักที)

อุปสรรคของการลดน้ำหนัก

หนึ่งในเป้าหมายในแต่ละปีของใครหลายๆ คนอาจจะเป็น ปีนี้ฉันจะลดน้ำหนักให้ได้ 10 kg แต่ก็ผ่านไป ปีแล้ว ปีเล่า นอกจากน้ำหนักจะไม่ลดแล้ว แถมยังอ้วนขึ้นอีกต่างหาก แล้วอะไรที่เป็น อุปสรรคของการลดน้ำหนัก ที่ทำให้ลดน้ำหนักไม่สำเร็จซักที 

อุปสรรคของการลดน้ำหนัก

1 เป้าหมายไม่ชัดเจน

ช่วงต้นปีของใครหลายๆ คนมักจะเป็นช่วงของการตั้งเป้าหมายหลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นคือการตั้งเป้าที่่จะลดน้ำหนัก แต่อาจจะขาดความชัดเจนที่มากพอ ขาดขั้นตอน กระบวนการและแผนในการลดน้ำหนัก ซึ่งการตั้งเป้าหมายที่ว่าอาจจะต้องครบองค์ประกอบ เช่น 

  • ลดน้ำหนัก 10 kg ภายในเวลา 3 เดือน (เดือนมกราคม – เดือนมีนาคม)
  • มีกำหนดเวลาชัดเจน
  • มีแผนการสนับสนุนการลดน้ำหนัก (ที่ถูกต้อง และเป็นไปได้) เช่น การควบคุมแคลลอรี่ การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น

2 ขาดแรงจูงใจ

เมื่อปีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วก็ต้องพยายามทำตามเป้าหมายนั้นในสำเร็จ แต่บางครั้ง หรือหลายๆ ครั้งที่เรามักจะหลุดจากเป้าหมายนั่นเป็นเพราะว่า “ขาดแรงจูงใจ” แรงจูงใจในการลดน้ำหนัก นั้นอาจจะต้องเป็นแรงจูงใจที่มากพอด้วย เพราะถ้าพูดกันตามตรงก็คือกว่าที่เราจะอ้วนได้ก็ใช้เวลานานทั้งอุปนัยสัยในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกิน การใช้ชีวิต การออกกำลังกาย จนส่งผลให้เราอ้วน แปลสั้นๆ คือ วิธีการใช้ชีวิตของเราส่งผลให้เรามีรูปร่างแบบนี้ ดังนั้น การลดน้ำหนัก ตามแผนที่ว่านั้นถือเป็นการเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตบางอย่างของเราเลย เช่น เคยกินไม่จำกัด ก็มาจำกัดแคลลอรี่ จำกัดปริมาณอาหาร เคยกินก่อนนอน ก็ต้องกินก่อนเวลานอนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ชอบกินของหวาน มัน เค็ม ก็ต้องกินอาหารที่อ่อนหวาน ลดมัน ลดเค็ม เป็นต้น บอกเลยช่วงแรกๆ ของการลดน้ำหนักนั้นมันยากจริงๆ นะ ต้องมาซ้อมกินซ้อมอยู่ตั้งหลายวันกว่าจะชินเพราะฉะนั้นหากแรงจูงใจในการลดน้ำหนักไม่มากพอ มักจะทำให้ใครหลายๆ คน ล้มเลิก แผนการลดน้ำหนักไปในสุด

3 เชื่อโฆษณา หรือการรีวิว มากเกินไป

เมื่อเกิดความคิดที่จะ ลดน้ำหนัก ขึ้นมาสิ่งที่หลายๆ คนทำ (ซึ่งถูกต้องแล้ว) นั่นคือการหาข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ ทั้งสื่อ Internet หรือทั้ง Social media หรือจากการรีวิวที่มีมากมาย ในหลายๆ ครั้งสื่อหรือการรีวิวมักจะบอกว่ามีผลิตภัณฑ์ดีมีคุณสมบัติที่ทำให้ลดน้ำหนักได้ง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องมีการควบคุมอาหาร หรือไม่ต้องออกกำลังกาย เพียงแค่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำเท่านั้นน้ำหนักก็ลดลงแล้ว ซึ่งคนที่อยากจะลดน้ำหนัก หลายๆ คนมักจะเชื่อและซื้อมาลองรับประทานโดยที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องโภชนาการด้านอื่นๆ ท้ายที่สุดน้ำหนักก็ไม่ลดอย่างที่หวังไว้

4 ขาดความรู้ในการลดน้ำหนัก

ก่อนที่ทุกคนจะเข้าสู่ การลดน้ำหนัก สิ่งสำคัญที่สุดใน การลดน้ำหนัก คือ “ความรู้” หากขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการลดน้ำหนักอาจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีก็ได้ เช่น ไปซื้อยาลดน้ำหนักมารับประทานเอง ซึ่งยาลดน้ำหนักนั้นอันตรายต้องใช้ในความดูแลของแพทย์และมีผลข้างเคียง หรือลดน้ำหนักโดยไม่สนใจเรื่องการควบคุมปริมาณแคลลอรี่ ไม่รู้เรื่อง BMR หรือ TDEE ซึ่งเป็นการใช้พลังงานของร่างกาย หรือลดน้ำหนักด้วยวิธีการอดอาหารจนท้ายที่สุดแม้จะลดน้ำหนักได้แต่อาจจะทำให้สุภาพเสีย ระบบการเผาผลาญเสียหาย และโยโย่

5 ใจร้อน

เวลา มีความสำคัญต่อแผนของการลดน้ำหนัก การลดน้ำหนักเป็นเรื่องของสัดส่วนการได้รับพลังงานจากสารอาหาร จากทั้งโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต รวมทั้งสารอาหารที่ไม่ให้พลังงานแต่ช่วยให้ระบบการเผาผลาญพลังงานสมบูรณ์ คือ วิตามินและเกลือแร่ โดยมีสัดส่วนผกผันกับ

อัตราการเผาผลาญรวมในแต่ละวัน (Total Daily Energy Expenditure; TDEE) คือ ค่ารวมพลังงานที่ร่างกายใช้ทั้งหมดในแต่ละวัน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน 

  • อัตราการเผาผลาญพลังงานพื้นฐาน (Basal Metabolic Rate) ประมาณร้อยละ 60 – 65
  • อัตราการเผาผลาญจากกิจกรรม (Physical Activity) ประมาณร้อยละ 25 – 35
  • อัตราการเผาผลาญจากการย่อยอาหาร (Digestion) ประมาณร้อยละ 5 – 10

ซึ่งมีตัวเลข 7,000 kcal เป็นตัวตั้ง

หากได้รับพลังงาน มากกว่า ที่ร่างกายต้องการใช้สะสม 7,000 kcal น้ำหนักจะ เพิ่มขึ้น 1 kg

หากได้รับพลังงาน น้อยกว่า ที่ร่างกายต้องการใช้สะสม 7,000 kcal น้ำหนักจะ ลดลง 1 kg

หากสังเกตจะเห็นคำว่า สะสม ดังนั้นเป็นเรื่องของการใช้เวลาในการสะสม เมื่อสะสมครบ 7,000 kcal น้ำหนักก็จะเพิ่มหรือลด  1 kg แล้วแต่ว่าเราสะสมทางไหน

[the_ad id=”854″]

[the_ad id=”876″]

Leave a Reply